วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

หน่วยที่ 5  โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์    

           ระบบ Network และ Internet   (06/08/55)


                    โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้

การทำงานของระบบ Network และ Internet  
โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
       1. เครือข่ายเฉพาะที่ ( Local Area Network : LAN ) เป็นเครือข่ายที่มักพบในองค์กรโดนส่วนใหญ่ ลักษณะการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นวง LAN จะอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กัน เช่น อยู่ภายในอาคาร หรือ หน่วยงานเดียวกัน
        2. เครือข่ายการเมือง  ( Metropolitan Area Network : MAN )  เป็นกลุ่มของเครือข่าย LAN ที่นำมาเชื่อยมต่อกันเป็นวงที่ใหญ่ขึ้น ภายในบรเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่นในเมืองเดียวกันเป็นต้น
        3. เครือข่ายบริเวณกว้าง  ( Wide Area Network : WAN )  เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับโดยเป็นการรวมเครือข่ายทั้ง  LAN และ MAN มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน ดังนั้นเครือข่ายนี้ จึงครอบคลุมพื้นที่กว้าง โดยมีการครอบคลุมไปทั่วประเทศ หรือทั่วโลก เช่น  อินเตอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นเครื่อข่ายสาธารณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

    รูปแบบโครงสร้างของเครือข่าย Network Topology
           การจัดระบบการทำงานของเครือข่าย มีรูปแบบโครงสร้างของเครือข่าย อันเป็นการจัดวางคอมพิวเตอร์ และการเดินสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย รวมถึงหลักการไหลเวียนข้มูลในเครือข่ายด้วย โดย แบ่งโครงสร้างเครือข่ายหลักได้ 4 แบบ คือ 
                                       
        1. แบบดาว ( Star Network  )  เป็นการต่อสายเชื่อมโยงโดยการนำสถานีต่างๆ  มาต่อรวมกันเป็นหน่วยสลับสายกลาง การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ด้วยการติดดต่อผ่สนทางวงจรของหน่วยสลับสายกลาง การทำงานของหน่วยสลับสายกลางจึงคล้ายกัยศูนย์กลาง
                    ลักษณะการทำงาน 
เป็นการเชื่อมโยงสื่อสารคล้ายดาวหลายแฉก  โดยมีสถานีกลาง หรือฮับ เป็นจุดผ่านการติดต่อ กันทุกโหนดในเครือข่าย สถานีกลางจึงมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมด  และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางคอยจัดส่งข้อมูลให้กับโหนดปลายทางอีกด้วย   การสื่อสารจัดเป็น 2 ทิศทางโดยจะอณุญาตให้มีเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลเข้าสู่เครือข่ายได้ จึงไม้มีโอกาศที่หลายๆ โหนดจะส่งข้อมูลเข่าสู่เครือข่ายในเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการชนกันของสัณญาณข้อมูล  เครือข่ายแบบบดาว เป็นรูปแบบเครือข่ายหนึ่งที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน




          2.  แบบวงแหวน  ( Ring  Network  )                 เป็นแบบที่สถานีของเครือข่ายทุกสถานีจะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายสัญญารของตัวเองโดยจะมีการเชื่อมโยง ของสัญญาณของทุกสถานีเข้าด้วยกันเป็นวงแหวน เครือข่านสัญญาณเหล่านี้จะมีหน้าที่มนการรับข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง หรือจากเครือข่ายสัญญาณตัวก่อนหน้า และส่งข้อมูลต่อไปยังเครือข่ายสัญญาณตัวถัดไปเรื่อยๆ เป็นวง หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด



              

3.เครือข่ายแบบบัส  ( Bus Network )   เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยสายเคเบิ้ลยาว ต่อเนื่องไปเรื่ยๆๆ โดยจะมีอุปกรณืที่เป็นตัวเชื่อมต่ออุปกรณืเข้ากับสายเคเบิล ในการส่งข้อมูล จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ การจัดส่งข้อมูลวิธีนี้ จะต้องกำหนดวิธี  ที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกัน  เพราะจะทำให้ข้อมูลชนกันลา หรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่ สัญญาณที่แตกต่างกัน ในการติดตั้งเครือข่ายแบบบัสนี้ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์แต่ละชนิด ถ฿กเชื่อมต่อมต่อด้วยสายเคเบิ้ลเพียงเส้นเดียว
   อุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ายต้องเชื่อมโยงเข้ากับสายสื่อสารหลักที่เรียก ว่า   บัศ   BUS   เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนดหนึ่ง ภายในเครือข่าย  จะต้องตรวจสอบว่าบัสง่างหรืไม่  ข้อมูลจะวิ่งผ่านโหนดไปเรื่อยๆๆ ในขณะที่แต่ละโหนดก็จะตรวจสอบว่าเป็นว่าเป็นของตนเองหรืไม่หากไม่ใช่ก็จะปล่อยให้วิ่งไปเรื่อยๆๆ
                 
             


                4.เครือข่ายแบบต้นไม้  ( Tree  Network ) เป็นเครือข่ายที่มีการผสมผสานโครงสร้างเครือข่ายแบบต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ การจัดส่งข้อมูลสามารถส่งไปถึงได้ทุกสถานี  การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอื่นๆ ได้ทั้งหมด เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเชื่อม รับส่งข้อมูลเดียวกัน



 
 
 



 
การประยุกต์ใช้งานของระบบคอมพิวเตอร์         ระบบเครือข่ายทำให้เกิดการสื่อสาร และการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรระหว่างเครือข่าย รูปแบบการใช้งาน  แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ระบบเครือข่ายแบบศูนย์กลาง  ( Centrallised   Network )
2.ระบบเครือข่ายแบบ  ( Pee-to Pee)
3. ระบบเครือข่ายแบบ Client/Server

1. ระบบเครือข่ายแบบศูนย์กลาง  ( Centrallised   Network  )  เป็นระบบที่มีเครื่องหลักเพียงเครื่องเดียวที่ใช้ในการประมวลผล ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลาง และมีการรรเชื่อมต่อไปยังเครื่องเทอร์มินอลที่อยู่รอบๆ ใช้การเดินสายเคเบิ้ล เชื่อมต่อกันโดยตรง เพื่อให้เครื่องเทอร์มินนอลสมารถสเข้าใช้งานโดยคำสั่งต่าง มาประมวลผลที่เครื่องกลาง ซึ่งมักเป็นเครืองคอมพิวเตอร์เมนเฟรมประสิทธิภาพสูง

2.ระบบเครือข่ายแบบ  ( Pee-to Pee  )   แต่ละสถานีงานบนระบบเครือข่ายสถานีเจะเท่าเทียมกัน สามรถที่จะแบ่งบันทรัพยากรให้แก้กันและกันได้ เช้นการใช้เครื่องพิมพ์ หรือ แฟ้มข้อมูลร้วมกันในเครือข่ายนั้นๆ  เครื่องแต่ละเคื่องมีขีด และความสารถได้ด้วยตนเอง  คือจะมีทรัพยากรภายในตัเอง เช่น ดิสก์สำหลับเก็บข้อมูล หน่วยความจำที่เพียงพอ
3. ระบบเครือข่ายแบบ ( Client/Server  ) สามารถสนับสนุนให้มีเครื่องลูกข่ายได้เป็นจำนวนมาก และสามรถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายสถานี ทำง่นโดยมีเครื่อง Server ที่ให้บริการเป็นศูนย์กลางอย่างน้อย 1 เครื่อง และมีการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ จากส่วนกลาง ซึ่งคล้ายกับระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลาง  แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ  เครื่องที่ทำหน้าที่ให้บริการในระบบ Client/Server ราคาไม่แพงมากนัก  ซึ่งอาจใช้เพียงเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ สมถนะสูงในการควบคุมการให้บริการ ทรัพยากรต่างๆ 
   นอกจากนี้เครื่องลูกข่ายยังจะต้องมีความสามรถในการประมงลผล และมีพื้นที่สำหลับเก็บข้อมูลท้องถิ่นเป็นของตัวเอง

             ระบบเครื่อข่ายแบบClient/Server เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น สนับสนุนการทำงานแบบ Multiprocessor  สามารถเพิ่มขยายขนาดของจำนวนผู้ใช้ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มจำนวนเครื่องได้


ความหมายของสารสนเทศ

สารสนเทศ หมายถึง ข่าวสารที่สำคัญ

-สารสนเทศ Information) หมายถึงความรู้ที่ได้จากการศึกษา  ค้นคว้า
-สารสนเทศ เป็นความรู้ที่ได้จากการค้นคว้า  เป็นความรู้ที่มีลักษณะพิเศษ
-สารสนเทศมีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดที่ใกล้เคียงกัน
สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลทางด้านปริมาณและคุณภาพ ที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทียบและวิเคราะห์  แล้วสามารถนำมาใช้ได้ หรือนำมาประกอบพิจารณาได้ง่ายกว่า

เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ ไอที เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การประมวลผล และการแสดงผลสารสนเทศ

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน  มีทั้งการบันทึก จัดเก็บ ประมวลผล แสดงผล มีส่วนย่อยที่สำคัญ 2 ส่วน คือ  เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ เทคโนโลยีซอฟต์แวร์

1.เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์  หมายถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ต่อพ่วง เพื่อเชื่อมโยงจำแนกหน้าที่
-หน่วยรับข้อมูล
-หน่วยประมวลผลกลาง
-หน่วยแสดงผล (Output Unit)
-หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storce Unit)

2.เทคโนโลยีซอฟต์แวร์  หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
-ซอฟต์แวร์ระบบ
-ซอฟต์แวร์ประยุกต์

เทคโนโลยีสื่อสารคมนาคม  หมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่นระบบโทรศัพท์  ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และอื่นๆ

-ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
 1.แบบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่4 (2520-2524) การมีส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา
 2.มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการของระบบสารสนเทศ เพื่อการศึกษา
 3.ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับบที่8 ก็ได้มีการเห็นความสำคัญ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา
 4.ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่9 มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา แผนพัฒนาข้างต้นทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติ มีความเท่าเทียมกันทั่วถึง มีคุณภาพและมีความต่อเนื่อง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า

-พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
ยุคที่ 1 การประมวลผลข้อมูล วัตถุประสงค์เพื่อ การคำนวนและการประมวลผลข้อมูลของรายการประจำ (Transaction Procssing)  เพื่อลดการใช้จ่ายด้านบุคลากร
ยุคที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการมีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ ควบคุม ดำเนินการ ติดตามผล และวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ
ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจ นำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
ยุคที่ 4 ยุคปัจจุบันหรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ และเน้นความคิดของการให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวัตถุประสงค์สำคัญ

-ประโยชน์
1.ให้ความรู้ ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
2.ใช้ในการวางแผนและบริหารงาน
3.ใช้ประกอบการตัดสินใจ
4.ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
5.เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ

*สรุป*
การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่นดาวเทียมสื่อสาร ใยแก้วนำแสง อินเทอร์เน็ต ก่อให้เกิดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงาน ในสถานศึกษาด้านต่างๆ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน สามารถจำแนกตามลักษณะ 6 รูปแบบดังนี้
1.เทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียม ถ่ายภาพทางอากาศ กล้องดิจิตัล เครื่องเอกซเรย์
2.เทคโนโลยีในการบันทึกข้อมูล เป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่นเทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก บัตรเอทีเอ็ม
3.เทคโนโลยีในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์
4.เทคโนโลยีในการแสดงผลข้อมูล เช่นเครื่องพิมพ์ จอภาพ และพลอตเตอร์
5.เทคโนโลยีในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่นเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
6.เทคโนโลยีในการถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูล ได้แก่ โทรคมนาคมต่างๆ เช่นโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง โทรเลข เทเล็กซ์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล

-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น
1.ระบบเอทีเอ็ม
2.การบริหารและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
3.การลงทะเบียนเรียน

-วัตถุประสงค์ของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
1.เพื่อทราบรายละเอียดของข้อมูล
2.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการศึกษาหรือทำงาน
3.เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับตัวเองและผู้อื่น

-Search Engine หมายถึง เครื่องมือหรือเว็บไซด์ที่อำนวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูลและข่าวสารให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

-ประเภทของ Search Engine แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
1.อินเด็กเซอร์ (Indexers) จะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่อยู่กระจัดกระจายทางอินเทอร์เน็ต ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมา เป็นลำดับชั้นของความสำคัญ
2.ไดเร็กทอรี่ (Directories)การค้นหาข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาทางIndexers ข้อมูลต่างๆจะคัดแยกเป็นหมวดหมู่ จะแบ่งแยกเว็บไซด์ต่างๆออกเป็นประเภทๆ
3.เมตะเสิรช์ (Metasearch) จะใช้หลายๆวิธีการมาช่วยในการค้นหาข้อมูลโดยรับคำสั่ง

-ประโยชน์จาก Search Engine 
1.ใช้หาข้อมูลต่างๆ
2.เทคนิคการสืบค้นข้อมูล
3.การใช้คำหลัก
4.หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข
5.ใช้เครื่องหมายบวกและลบช่วย

-ไดเร็กทอรี่ (Directories)
จะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ เปรียบเสมือนแคตตาล็อกสินค้า  ตัวอย่างเช่น
-yahoo.com
-booksmath.com
-galaxy.com
-siamguru.com
-lycos.com
-askjeeves.com

-เมตะเสิร์ช (Metasearch )
จะใช้หลายๆวิธีการมาช่วยในการค้นหาข้อมูลโดยจะรับคำสั่ง ค้นหาจากเราแล้วส่งต่อไปยังเว็บไซด์  Search Engine  หลายๆแห่งพร้อมกัน  เช่น
-dogpile.com
-profusion.com
-metacrawler.com
-highway61.com
-thaifind.com